การจัดการหอยเชอรี่
|
|
![]() |
คำนำ
หอยเชอรี่ หรือมีชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ หอยโข่งอเมริกาใต้ หอยเป๋าฮื้อน้ำจืด
หอยโข่งเหลือง เป็นหอยศัตรูข้าวที่สำคัญยิ่งชนิดหนึ่ง ซึ่งในปี 2532
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติได้ประมาณไว้ว่าหอยเชอรี่ทำให้ผลผลิตข้าวในประเทศฟิลลิปปินส์สูญเสียอย่างมหาศาลไปถึง
1 – 40% ของทั้งประเทศ
การจะป้องกันกำจัดศัตรูพืชชนิดนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้สารเคมีฆ่าหอย ซึ่งมีราคาแพงและมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นๆและตัวผู้ใช้เอง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเสนอทางเลือกทางอื่นๆเพื่อแนะนำเกษตรกรเพิ่มเติมในการป้องกันกันกำจัดหอยเชอรี่
มีการค้นคว้าทดลองและงานวิจัยใหม่ๆเพื่อที่จะลดการใช้สารฆ่าหอยแบบผิดประเภทดังเช่นที่เคยเป็นอยู่
เรื่องที่จะกล่าวถึงในบทต่อไปจะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับชีววิทยาของหอยเชอรี่
รวมทั้งการจัดการและการป้องกันกำจัดหอยเชอรี่ ที่เกษตรกรสามารถนำไปใช้ได้ในแต่ละแหล่ง
มีสูตรอาหารใหม่ๆจากหอยเชอรี่มาเพิ่มมากขึ้น โดยการทำเป็นcracker
ซึ่งปราศจากกลิ่นรุนแรง อยู่ได้นาน สามารถเก็บไว้ใช้เป็นเครื่องปรุงสำเร็จรูปได้กับสูตรอาหารหลายๆชนิด
หวังว่าความปรารถนานี้จะช่วยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรให้เข้าใจธรรมชาติของหอยเชอรี่
การแพร่กระจาย และการป้องกันกำจัดหอยเชอรี่ได้มากขึ้น
![]() ลีโอคาดิโอ เอส. เซบาสเตียน ผู้อำนวยการ |
บทนำ
หอยเชอรี่ หรือที่รู้จักกันในชื่ออื่นๆ เช่น หอยโข่งเหลือง หอยโข่งอเมริกาใต้
ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์เรียกโกลเด้น คูฮอล ( Pomacea canaliculata Lamarck )
ถูกนำเข้าสู่ฟิลิปปินส์ระหว่างปี 2525 – 2527 โดยมาจากประเทศในทวีปอเมริกาใต้(
บราซิล และ อาร์เจนตินา) โดยผ่านทางประเทศไต้หวัน เนื้อหอยเชอรี่นับว่ามีคุณค่าทางอาหารสูงสำหรับมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
จึงเป็นที่สนใจของทั้งภาครัฐและเอกชนที่ต้องการนำเข้ามาเลี้ยงและขยายพันธุ์ต่อไป
แต่เพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็พบว่า หอยเชอรี่กลายเป็นศัตรูข้าวที่สำคัญไปเสียแล้ว
บริเวณที่มีการปลูกข้าวในฟิลิปปินส์คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 3 ล้านเฮคตาร์ นั้น
ถูกหอยเชอรี่ระบาดทำความเสียหายไปถึง 1.2 – 1.6 ล้านเฮคตาร์ ในปี
2533มีการใช้เงินถึง 212ล้านเปโซ เพื่อที่จะป้องกันกำจัดมัน มีรายงานการระบาดของหอยเชอรี่เป็นครั้งแรกในปี
2529 เมื่อพบว่านาข้าวเขตชลประทาน ของเขต 2 (Cagayan valley) ถูกหอยทำลายอย่างหนัก
และนับแต่นั้นมา นาข้าวแหล่งอื่นๆก็ถูกหอยทำความเสียหายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติไป
รูปร่างลักษณะหอยเชอรี่
หอยเชอรี่มีชีวิตยืนยาวได้ 2 – 6 ปี และมีความสามารถในการขยายพันธุ์สูง
เปลือกสีน้ำตาล เนื้อสีขาวครีมไปจนเหลืองส้ม
ขนาดขึ้นกับการกินอาหาร
ขนาดที่กัดทำลายต้นข้าวได้มาก เมื่อหอยมีเปลือกสูง 10 มิลลิเมตร(ขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพด)
ถึง 40 มิลลิเมตร(เท่าลูกปิงปอง)*
หอยเพศเมียจะมีฝาปิดที่เว้าเข้า(a1) ในตัวผู้จะนูนออกเล็กน้อย(a2)
อบเปลือกหอยตัวเมียที่โตเต็มวัยแล้วจะโค้งเข้าด้านใน(b1) ในตัวผู้จะโค้งออก(b2)*
ตามการศึกษาของ เดลา ครูซ, อาร์ซี โจชิ, และ เอ อาร์ มาร์ติน
![]() |
![]() |
ลูกหอยและหอยโตเต็มวัย
ศัตรูธรรมชาติและการควบคุมโดยชีววิธี
![]() |
ระหว่างการเตรียมดิน
![]() |
![]() ร่องน้ำขนาดเล็ก ที่หอยจะมารวมกันอยู่เมื่อระดับน้ำในนาข้าวลดแห้งลง |
![]() การกั้นตาข่ายช่วยกันหอยไม่ให้เข้ามาเพิ่มในแปลงนาอีก |
ระหว่างการปลูกข้าว
![]() ระบายน้ำออกจากนาเป็นช่วงๆเพื่อจำกัดไม่ให้หอยเคลื่อนที่หรือกัดกินต้นข้าวได้ |
![]() ใช้คนเก็บหอยตัวใหญ่ที่เป็ดกินไม่ได้ |
ภายหลังการเก็บเกี่ยว
|
nการจัดการโดยวิธีผสมผสานตามระยะการเจริญเติบโตของข้าว
|
|||||||||||||||
uปล่อยเป็ด, เก็บหอย, สร้างร่องน้ำ, ใช้ใบพืชใส่ในนาล่อหอยมากิน และ เก็บไข่ไปทำลาย | |||||||||||||||
เก็บหอย, ปล่อยเป็ด, ติดตั้งตาข่าย, ปักหลักไม้รวก และ เก็บทำลายไข่หอย | |||||||||||||||
จัดการระดับน้ำ, เก็บหอย,ใช้พืชล่อ, และเก็บไข่ | |||||||||||||||
เก็บหอยตัวใหญ่และไข่หอยไปทำลาย | |||||||||||||||
ปล่อยเป็ดหากินในนาข้าว, ตากดิน
|
การศึกษาของนักวิจัย เอ็ม เอส เดลา ครูซ , อาร์ซี โจชิ, และ เอ อาร์ มาร์ติน ระหว่างปี 2542 – 2543 ที่ PhilRice เมืองมาลิกายา ค้นพบว่า
คุณค่าทางอาหารของหอยเชอรี่
คุณค่าทางอาหารของเนื้อหอยเชอรี่หนัก 100 กรัม
- พลังงาน 83 แคลอรี่
- โปรตีน 12.2 กรัม
- ไขมัน 0.4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 6.6 กรัม
- เถ้า 3.2 กรัม
- ฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม
- โซเดียม 40 มิลลิกรัม
- โปตัสเซียม 17 มิลลิกรัม
- ริโบฟลาวิน B 2 12 มิลลิกรัม
- นิอาซิน 1.8 มิลลิกรัม
- อื่น ๆ ได้แก่ วิตามินซี ,สังกะสี , ทองแดง, แมงกานีส และไอโอดิน
บัญชีสารกำจัดหอยที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ Fertilizer and Pesticide Authority
เมื่อ 31 มีนาคม 2000
สูตร
|
สารออกฤทธิ์
|
ชื่อการค้า
|
ความเข้มข้น
|
อัตราการใช้
|
ระดับความเป็นพิษ*
|
บริษัท
|
P
|
Metaldehyde
|
Metabait
6% Pellets |
60 g/kg
|
2-4 kg/ha
4-8 kg/ha |
4
|
Agchem Mftg.
Corp. |
F
|
Metaldehyde
|
Meta Flo
|
300 g/L
|
16-20 tbps
/16L water |
2
|
|
WP
|
Metaldehyde
|
Porsnail
74 WP |
750 g/kg
|
10 tbsp/16L
water |
|
|
G
|
Metaldehyde
|
Rescue
10 G |
100 g/kg
|
|
|
|
P
|
Metaldehyde
|
SnailKil
6% P |
60 g/kg
|
2-4 kg/ha(T)
4-8 kg/ha(DS) |
4
|
|
F
|
Chlorothalonil
|
Shield
|
500 g/L
|
|
4
|
Aldiz Inc.
|
EC
|
Niclosamide
|
Bayluscide
250 EC |
250 g/L
|
7-14 tbsp/16L
water |
4
|
Bayer Phils., Inc.
|
WP
|
|
Bayluscide
70 WP |
700 g/kg
|
|
4
|
|
EC
|
Niclosamide
|
Hit 250 EC
|
250 g/L
|
7-14 tbsp/16L
water |
4
|
Cropking
Chem., Inc. |
WP
|
Niclosamide
|
Trap 70 WP
|
700 g/kg
|
35 g/16L water
|
4
|
Dow Agro
Sciences B.V., Phils. |
PEL
|
Metaldehyde
|
Bayonet
6% Pellets |
60g/kg
|
2-4 kg/ha(T)
4-8 kg/ha(DS) |
4
|
Jardine Davies;
Inc. |
PEL
|
Metaldehyde
|
Stop 6%
Pellets |
60 g/kg
|
2-4 kg/ha(T)
4-8 kg/ha(DS) |
4
|
Leads Agri
Product Corp. |
WP
|
Niclosamide
|
Archer
50WP |
500 g/kg
|
|
4
|
Nichimen Corp.
|
PEL
|
Metaldehyde
|
Ciba Meta
Bait |
60 g/kg
|
2-4 kg/ha(T)
4-8 kg/ha(DS) |
4
|
Novartis Agro
Phils., Inc. |
F
|
Metaldehyde
|
Meta Flo
600 FL |
300 g/L
|
16-20 tbsp/16L
water |
2
|
|
P
|
Tannins,
Glycosides, Sterols, and Flavanoids |
Kuhol P
|
245 g/kg
|
20 kg/ha
|
4
|
Pro Green
Phils., Inc. |
EC
|
Niclosamide
|
Moluxide
250 EC |
250g/L
|
7-14 tbsp/16L
water |
4
|
Transworld
Trdg. |
EC - สารละลายน้ำมันเข้มข้น, F - สารผสมแขวนลอยเข้มข้น, G
- สารเม็ด, P - สารชนิดผง, PEL - สารอัดเม็ด, WP -
สารชนิดผงผสมน้ำ, T - นาดำ, DS - นาหว่าน, tbsp - ช้อนโต๊ะ
*ตามมาตรฐาน WHO องค์การอนามัยโลกแห่งสหประชาชาติ จัดระดับความเป็นพิษของวัตถุมีพิษที่ใช้ในการเกษตร
ระดับ 2 – พิษปานกลาง
ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ :
Crop Protection Division
Philippine Rice Research Institute
Maligaya, Science City of Munos, 3119 Nueva Ecija
Tel. Nos.: (044) 456-0285; -0113 local 227
Published 2001 by the Philippine Rice Research Institute. Readers are
encouraged to reproduce the contents of this bulletin with
acknowledgment.
เกี่ยวกับ DA -PhilRice
The Philippine Rice Research Institute (PhilRice) สถาบันวิจัยข้าวแห่งฟิลิปปินส์
เป็นหน่วยงานรัฐบาล ขึ้นอยู่กับกรมเกษตร (Department of Agriculture, DA) จัดอยู่ในอันดับที่
1061 ตั้งขึ้นเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2528 และปรับปรุง โดย EO 60 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน
2529 โดยสร้าง Philrice เพื่อที่จะช่วยพัฒนาเทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิต เพื่อที่จะให้เกษตรกรผลิตข้าวได้พอเพียงแก่ประชาชน
ทั้งประเทศ ซึ่ง Philrice ได้ปฎิบัติงานทั้งวิจัยและทดลอง, สนับสนุนทางเทคโนโลยี
และ ให้คำแนะนำด้านนโยบาย โดยใช้ผ่านเครือข่ายรวมถึง 57 หน่วยงาน และศูนย์เมล็ดพันธุ์
104 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ
แผนการทำงานทั้งหมด รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ (1) การทำนาหว่าน (2) การทำนาดำในเขตชลประทาน
(3) ข้าวพันธุ์ลูกผสม (4) ข้าวที่เหมาะสำหรับสิ่งแวดล้อมเฉพาะ (5) ระบบไร่นาสวนผสมที่ปลูกข้าวเป็นหลัก
(6) ข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว (7) นโยบายการการทดลองและคำแนะนำ (8) การเสริมสร้างเทคโนโลยีและพัฒนาการ
จากโปรแกรมเหล่านี้ PhilRice ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาและเสริมสร้างเทคโนโลยี
ซึ่งเป็นรากฐานของ ระบบนิเวศ ถิ่นที่อยู่อาศัย และปัญหาเฉพาะด้าน รวมทั้งผลกำไรที่จะมีต่อเกษตรกรฟิลิปปินส์
ติดต่อสอบถาม / เพิ่มเติมรายละเอียด
![]() |
|